09 เกวลิน อ่องคล้าย ม.4/1

สวัสดีทุกๆคนค่ะ ยินดีต้อนรับเข้าสู่ Blog Kewalin_ELF ค่ะ



วันพุธ, ตุลาคม 29, 2551

[ บทความ ] เทคนิคการอ่านหนังสือยังไงให้จำง่ายๆ

พอดีไปเจอบทความแนะนำการอ่านหนังสือให้จำได้ง่ายๆกัน เลยเอามาฝากเพื่อนๆ ลองอ่านแล้วนำไปใช้ดูก็ได้นะคะ

ข้อที่ 1. เพื่อนๆต้องใส่ใจเรื่องรายละเอียดเล็กๆน้อยๆก่อนเลยล่ะ ดูซิ!!!ว่าวิชาไหนน่ะที่เราต้องสอบเป็นอันดับแรกๆ หยิบวิชานั้นขึ้นมาก่อนเลย เตรียมไว้นะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือที่เกี่ยวกับวิชาที่จะสอบ ชีท เอกสารต่างๆ หรือแนวข้อสอบ(อันนี้สำคัญนะค่ะ หาให้เจอล่ะ) ค้นเลยๆ ทุกวิชานะค่ะ

ข้อที่ 2.แยกหมวดหมู่แต่ละวิชา ก่อน-หลัง แล้วหาที่วางไว้อย่างเป็นระเบียบด้วยล่ะ

ข้อที่ 3.เตรียม ดินสอ/ปากกา สมุด และปากกาเน้นข้อความไว้ด้วยนะ

ข้อที่ 4.เริ่มอ่านวิชาที่จะต้องสอบก่อนเป็นวิชาแรกเลยค่ะ ตรงนี้แหละสำคัญมาก น้องๆอย่าอ่านๆๆๆๆๆแล้วก็อ่านเพื่อให้จบ แบบผ่านๆนะค่ะ ต่อให้น้องๆอ่านสัก 10 รอบแล้วบอกคนอื่นๆว่า "ก็เค้าอ่านเป็นสิบๆรอบแล้วอ่ะ แต่ทำไมทำข้อสอบไม่ได้เลยน่ะ?" อ่ะๆๆๆ!!! อ่านสัก 100 รอบก็ไม่ช่วยอะไรหรอกเจ้าค่ะ อ่านแล้วต้องทำความเข้าใจไปด้วย ตรงไหนที่คิดว่าสำคัญๆ น้องๆก็เน้นตรงจุดนั้นไว้ อาจจะใช้วิธีการจดบันทึกไว้ หรือ เน้นข้อความด้วยปากกาสีต่างๆก็ได้ค่ะ เพื่อว่าจะได้กลับมาอ่านอีกครั้ง

ข้อที่ 5.นั้นงัยๆๆๆพี่บอกไปตะกี้เองนะค่ะว่าอย่าอ่านแบบผ่านๆ ดูสิ!!!เพื่อนๆลองกลับไปอ่านข้อ 3 ใหม่สิค่ะ แล้วดูซิว่าที่ต่อจากข้อ 3 นะเป็นข้อที่เท่าไหร่ ข้อที่ 4หายไปๆๆๆๆ ส่วนเพื่อนๆคนไหนสังเกตเห็นก่อนที่เราเฉลย เพื่อนๆก็ไม่มีปัญหาในเรื่องของการอ่านหนังสือแล้วละค่ะ เก่งมากๆเลย ส่วนเพื่อนๆคนไหนที่ไม่ทันได้สังเกต ก็เอาจุดนี้เนี่ยแหละค่ะไปลองปรับใช้กับการอ่านหนังสือดูตามที่พี่บอกไว้ในข้อที่ 5 นะค่ะ

ข้อที่ 6.อ่ะ ต่อๆๆ การไม่ปล่อยให้ท้องว่างก็เป็นสิ่งสำคัญนะค่ะ ถ้าเพื่อนๆอ่านๆๆๆหนังสืออย่างเดียวจนลืมทานข้าวแล้วละก็ นอกจากเพื่อนๆจะอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องแล้ว อาจจะทำให้ป่วย และทำให้เป็นโรคกระเพาะได้ด้วยนะจ๊ะ สำคัญเลย ต้องหาอะไรทานเมื่อท้องว่างด้วยน้า...อย่าทรมาณตัวเองละ

ข้อที่ 7.ในการอ่านหนังสือ เพื่อนๆควรเลือกเวลาที่รู้สึกว่าสมองเราพร้อมจะทำงานด้วยนะจ๊ะ แล้วเมื่อเพื่อนๆรู้สึกว่าเริ่มอ่านไม่ไหวแล้วล่ะ อ่านนานมากไปทำให้ปวดตา ปวดหัว ให้เพื่อนๆพักก่อน อาจจะหาอย่างอื่นทำ เช่นพักสายตาโดยการหาเพลงเพราะๆฟัง(อ่ะๆๆๆเลือเพลงที่ฟังแล้วจรรโลงใจด้วยละ ถ้าฟังเพลงที่หนักไป อาจทำให้ยิ่งปวดหัวมากกว่าเดิม ไม่รู้ด้วยนะเจ้าค่ะ) จะดูทีวี เล่นเกม หรือกิจกรรมอื่นๆที่ทำแล้วผ่อนคลายก็หามาลองทำกันดูนะเจ้าค่ะ แต่ๆๆๆๆแล้วก็แต่...อย่าพักจนเพลินละ เมื่อถึงเวลาที่ร่างกายผ่อนคลายเพียงพอแล้วก็กลับเข้าสู่โหมดการอ่านหนังสือต่อเลยยย (เอาน่าๆทนเอาหน่อยนะเจ้าค่ะ สอบไม่ได้มีมาบ่อยๆ ตั้งใจให้สุดๆไปเลย)

ข้อที่ 8.นั้นแน่ๆ เรารู้นะว่าเพื่อนๆเริ่มใส่ใจในรายละเอียดในการอ่านกันบ้างแล้ว คงคิดใช่มั้ยละ ว่าเราจะแกล้งทำให้ข้อไหนหายไปอีกน่ะ!!! ดีแล้วค่ะถ้าเพื่อนๆคิดแบบนี้นะ เป็นการฝึกตัวเองไปด้วย ให้เป็นคนรอบคอบ ดีค่ะๆ อ่ะต่อๆ

ข้อที่ 9.อ้า....อ่านไม่ทันแล้วอ่ะ!!!ทำไงดีๆ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเพื่อนๆคนอื่นๆเกือบทุกคนละค่ะ ที่สำคัญเลย อย่าตื่นเต้นจนรนล่ะ ตั้งสตินะค่ะตรงนี้สำคัญมากๆเลย ให้เพื่อนๆหยุดอ่านหนังสือต่อสักพักนึง แล้วดูซิว่า...พรุ่งนี้เราสอบวิชาอะไรบ้าง แล้วหยิบวิชาที่สอบเป็นวิชาแรกมาอ่านทบทวนก่อนเลย แล้วก็ทบทวนวิชาอื่นๆต่อไป (ตรงถ้าคิดว่ากลัวอ่านไม่ทันรอบทบทวนให้เพื่อนๆอ่านในส่วนที่เน้น ที่สำคัญๆเอาไว้ก่อนเลย จำได้มั้ยเอ๋ยว่าในการอ่านรอบแรกเราให้เพื่อนๆจดบันทึกที่สำคัญๆไว้ที่คิดว่าน่าจะออก หรือส่วนที่มันยาก จำไม่ได้ก็นำมาอ่านก่อนเลย ตรงส่วนไหนที่เพื่อนๆจำได้ หรือเข้าใจก็เปิดผ่านๆเลยค่ะ ตอนนี้เราต้องทำเวลาแหละน่ะ)

ข้อที่ 10.เอาละ...อ่านหนังสือสอบก็ต้องฟิสหน่อย เพื่อนๆบางคนอาจจะอ่านหนังสือเร็วและเข้าใจง่ายทำให้การอ่านหนังสือไม่ค่อยมีปัญหาเลยก็ดีไป ส่วนเพื่อนๆคนไหนเป็นคนที่อ่านหนังสือช้าก็ต้องขยันกว่าคนอื่นๆหน่อยแล้ว อาจจะทำให้อ่านหนังสือไม่ทัน ทำให้ต้องนอนดึกหน่อย ก็อย่าลืมดูแลตัวเองนะค่ะ หานมอุ่นๆหรือของว่างทานสักนิดนึง ใส่ใจในสุขภาพหน่อยนะค่ะ เพราะเดี๋ยวเพื่อนๆอาจป่วยได้ แล้วเป็นงัยน่ะ ไปสอบไม่ได้ แย่เลยน่ะเจ้าค่ะ สำคัญเลย ถ้าอ่านหนังสือไม่ทันแล้วจริงๆ แต่ร่างกายเราไม่ไหวแล้ว อย่าฝืนนะค่ะ ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น รีบเตรียมตัวเข้านอนกันดีกว่าค่ะ ตื่นเช้ามาจะได้สดชื่น แถมถ้าเราตื่นเร็ว ก็จะมีเวลาอีกนิดในการทบทวนก่อนเข้าห้องสอบนะค่ะน้องๆ

Credit : ~ปลาไส้ตัน~ >> http://my.dek-d.com/writer/story/view.php?id=342180

วันอาทิตย์, ตุลาคม 12, 2551

[ บทความ ] "ปู่เย็น" เสียชีวิตแล้ว...ปิดตำนาน "เฒ่าทรนง"

ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (12 ต.ค.) ว่า ขณะนี้ นายเย็น แก้วมณี หรือ ปู่เย็น อายุ 108 ปี เฒ่าทรนงแห่งลุ่มแม่น้ำเพชรบุรี เสียชีวิตลงแล้ว หลังจากถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลพระจอมเกล้า จ.เพชรบุรี

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้าได้นำตัวปู่เย็นขึ้นจากเรือที่จอดอยู่ริมสะพานลำไย ในเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรี ส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนหลังจากพยาบาลที่ไปตรวจร่างกายปู่เย็นเป็นประจำทุกวัน พบปู่เย็นนอนนิ่งไม่รู้สึกตัว และชีพจรเต้นแผ่วเบา

ทั้งนี้ ระหว่างนำตัวปู่เย็นส่งโรงพยาบาลชีพจรของปู่เย็นได้หยุดเต้นพยาบาลจึงให้ยากระตุ้นหัวใจและปั๊มชีพจร แต่ร่างการของปู่เย็นตอบสนองต่อยาน้อยมาก อย่างไรก็ตาม หลังจากถึงโรงพยาบาลไม่นานปู่เย็นก็เสียชีวิตลงอย่างสงบ

สำหรับปู่เย็นมีอาชีพออกหาปลาในลุ่มแม่น้ำเพชรบุรี โดยหลังจากภรรยาเสียชีวิตได้ใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่ภายในเรือริมลำน้ำเพชรบุรี

ที่มาจาก หนังสือพิมพ์ไทยรํฐ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.yenta4.com >>> http://www.yenta4.com/webboard/2/1275876.html

[My Diary] ไว้อาลัยให้ปู่เย็น

ช่วงเช้าวันนี้ข้าพเจ้าได้ดูข่าวทางโทรทัศน์ช่อง 3 รายการเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ และได้พบข่าวของปู่เย็น ซึ่งท่านได้เสียชีวิตแล้ว ภาพข่าวที่ดูเป็นช่วงที่ปู่เย็นถูกส่งไปที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้าจังหวัดเพชรบุรี และนางพยาบาลกำลังช่วยกันปั้มหัวใจให้ปู่อยู่ ซึ่งตามข่าวได้บอกว่า พยาบาลได้ปั้มหัวใจปู่เป็นเวลานานประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตของปู่ไว้ได้ ข้าพเจ้าจึงขอสรุปข่าวตามที่ได้ดูมา ดังนี้ ช่วงเช้าของวันนี้ (12 ตุลาคม 2551) เวลาประมาณ 9.00น. นางพยาบาลที่ทุกๆวันจะมาทำแผลให้กับปู่เย็น แต่เมื่อพยาบาลเรียกปู่ก็ไม่ได้ออกมาจากเรือเหมือนปกติ พยาบาลจึงลากเรือเข้าฝั่งแล้วเข้าไปดูปู่ได้พบปู่นอนนิ่ง จับชีพจรแล้วแผ่วเบา จึงรีบส่งโรงพยาบาล ต่อมาก็เป็นไปตามข้างต้นที่ได้กล่าวไว้

นอกจากนี้ข่าวที่ข้าพเจ้าดูยังมีการสัมภารณ์ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ท่านได้พูดเรื่องที่ปู่เย็นเคยคุยกับบุตรสาวบุตรธรรมว่าหากปู่เสียชีวิตให้นำไปฝังไม่ให้เผา จึงจะนำศพของปู่ไปฝังที่ภูมิลำเนาเดิมของปู่ คือ ต.ท่าแร้ง อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ตามประเพณีของศาสนาอิสลาม ซึ่งสาเหตุการเสียชีวิตคงเป็นเรื่องที่ปู่มีอายุมาก รวมถึงโรคประจำตัว อย่างโรคเบาหวาน และปอดอักเสบ รวมแล้วปู่มีอายุถึง 108 ปี

ข้าพเจ้าจึงขอไว้อาลัยให้กับปู่เย็นไว้ ณ ที่นี้ ด้วย

วันศุกร์, ตุลาคม 10, 2551

[My Diary] เข้าค่ายคณิตศาสตร์

บันทึกการเข้าค่ายคณิตศาสตร์
( Math Gifted Program )

ระหว่างวันที่ 1 – 3 ตุลาคม พ.ศ. 2551
ณ วังรีรีสอร์ท จังหวัดนครนายก



( วันที่ 1 )
ในการเดินทางใช้เวลาประมาณ 4 – 5 ชั่วโมงก็ถึงที่หมาย ณ ที่นั้นมีบรรยากาศที่ดีมาก เพราะอยู่ที่เชิงเขา ทำให้เห็นหมอกบริเวณแถบภูเขาอีกด้วย ทันทีที่ถึงที่หมาย พวกเราก็ต้องไปที่ห้องประชุมเพื่อร่วมพิธีเปิด รวมถึงการจัดโต๊ะแสดงผลงานของโรงเรียนแต่ละโรงเรียน ในช่วงบ่ายนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 แต่ละโรงเรียนจะต้องนำเสนอผลงานกล่องดำ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ก็จะเป็นการนำเสนอโครงงาน สำหรับกล่องดำทางโรงเรียนของเราก็ได้นำเสนอในเรื่อง ‘The wonder plane’ หลังจากเสนอผลงานกล่องดำเสร็จก็เป็นกิจกรรมนันทนาการ หลังจากนั้นก็แยกย้าย กันไปทำภารกิจส่วนตัวและพักผ่อน

( วันที่ 2 )
ทุกคนตื่นขึ้นมารวมตัวกันบริเวณลานกิจกรรม เพื่อร่วมกันออกกำลังกายในช่วงเช้า สำหรับวันนี้จะเป็นการทำกิจกรรมแรลลี่ ซึ่งมีการเปลี่ยนฐานไปเรื่อยๆทั้งหมด 6 ฐาน ประกอบไปด้วย ฐานที่ 1 การแก้ปัญหา, ฐานที่ 2 คณิตศาสตร์ในการพับกระดาษ, ฐานที่ 3 จรวดขวดน้ำท้าปัญหา, ฐานที่ 4 หอคอยกระดาษ, ฐานที่ 5 เป็นไปไม่ได้ และฐานที่ 6 แสงแห่งอัจฉริยะ ซึ่งในการทำกิจกรรมครั้งนี้ได้แบ่งกลุ่มนักเรียนโดยในกลุ่มหนึ่งจะมีนักเรียนทุกโรงเรียน หลังจากทำกิจกรรมฐานเรียบร้อยแล้ว จะเป็นการประชุมกันในกลุ่มในเรื่องของการแสดงที่จะมีขึ้นในช่วงกลางคืน ทุกคนรวมตัวกันที่ห้องประชุมเพื่อเข้าร่วมพิธีบายศรีสู่ขวัญ ซึ่งพิธีบายศรีสู่ขวัญในปีนี้ทางโรงเรียนเบญจมเทพอุทิศ จังหวัดเพชรบุรี และ โรงเรียนบดินทร์เดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ได้เป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องของการนำนักเรียนร่วมในขบวนแห่ หลังจากจบพิธี ก็จะเป็นการแสดงของแต่ละกลุ่มที่ได้เตรียมกันเอาไว้ ในช่วงสุดท้ายรุ่นพี่ก็ได้มีการแสดงภาพถ่ายเกี่ยวกับกิจกรรมตลอด 2 วัน

( วันที่ 3)
เช้าวันนี้ก็มีการออกกำลังการที่บริเวณลานกิจกรรมเช่นเดิม ซึ่งสำหรับวันนี้นักเรียนส่วนใหญ่จะแสดงออกถึงความอ่อนเพลีย เนื่องจากกิจกรรมตลอด 2 วันที่ผ่านมา หลังจากนั้นก็มารวมตัวกันที่ห้องประชุมเพื่อร่วมพิธีมอบรางวัล, วุฒิบัตรแก่นักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรม และพิธีปิด และสำหรับรางวัลชนะเลิศกล่องดำก็ได้ตกเป็นของ โรงเรียนเราซึ่งสร้างความภูมิใจในคุณครูและเรานักเรียนเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นก็เป็นการมอบรางวัลให้กับกลุ่มกิจกรรมที่ชนะเลิศในแต่ละฐาน ตามด้วยการมอบวุฒิบัตร และสุดท้ายก็เป็นพิธีปิดค่ายอย่างเป็นทางการ และรุ่นพี่ก็รวมตัวน้องๆเพื่อจะทำการ Boom Math ซึ่งก่อนที่แต่ละโรงเรียนจะแยกย้ายกันไปก็จะมีการ Boom ของแต่ละโรงเรียน และสำหรับโรงเรียนของเราที่มีจำนวนสมาชิกน้อยกว่าโรงเรียนอื่นก็สามารถทำการ Boom ออกมาได้อย่างมีพลังไม่แพ้โรงเรียนอื่นถึงแม้จะมีติดขัดในช่วงแรกเนื่องจากไม่ได้นัดหมายกันไว้ก่อน แต่ก็สามารถจบได้อย่างสวยงาม

ความรู้สึกของข้าพเจ้าในการเข้าค่าย Gifted math Program
สำหรับความรู้สึกของข้าพเจ้าที่มีต่อค่ายนี้นั้น ในช่วงข้าพเจ้ารู้สึกตื่นเต้นและกลัวอยู่เหมือนกันว่าจะสามารถเข้ากับเด็กโรงเรียนอื่นๆได้หรือเปล่า จะมีความสามารถต่างกันมากแค่ไหน และเมื่อถึงเวลานั้น เวลาที่ต้องแยกกับเพื่อนๆในโรงเรียน เพื่อไปเจอกับเพื่อนต่างโรงเรียน ตอนแรกรุ่นพี่จะให้จำชื่อเพื่อนในกลุ่มให้ได้ทั้งหมด ข้าพเจ้าก็พยายามจำและถามชื่อของเขา จึงเป็นการทำความรู้จักกันไปโดยปริยาย และเมื่อเข้ากิจกรรมกลุ่ม ซึ่งกิจกรรมแต่ละฐานนั้นมีความยากง่ายแตกต่างกันไป แต่ทุกฐานต้องใช้ความสามัคคีด้วยกันทุกฐาน ซึ่งนี้ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าได้ทำความรู้จักเพื่อนในกลุ่มได้มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งในช่วงแรกๆข้าพเจ้าก็ไม่กล้าที่จะออกความคิดเห็น แต่พอไปเรื่อยๆข้าพเจ้าก็พยายามร่วมกิจกรรมให้มากขึ้นและเพื่อนๆก็ยอมรับมากขึ้น แน่นอนว่าทุกๆคนมาจากต่างโรงเรียน แต่ก็สามารถเข้าได้ดีทีเดียว สำหรับในส่วนของการทำเสนอผลงานนั้นทำให้ข้าพเจ้าได้เห็นถึงความคิดความสามารถที่แตกต่างกันออกไปของแต่ละคน ซึ่งเป็นที่น่าตื่นเต้นมาก นอกจากนี้กิจกรรมที่นำมาทดสอบยังทำให้ข้าพเจ้าได้รู้ในหลายสิ่งที่ข้าพเจ้ายังไม่รู้อีกมากมาย
การเข้าค่ายในครั้งนี้จึงทำให้ข้าพเจ้าได้ทั้งเพื่อน ความรู้ความคิดใหม่ๆ รวมถึงความสนุกสนาน การกล้าแสดงออก และอื่นๆอีกมากมาย
จึงขอขอบพระคุณคุณครูทุกๆท่านที่ทำให้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสได้มาเข้าค่ายที่ดีอย่างนี้



วันอาทิตย์, ตุลาคม 05, 2551

[My Dairy] ค่ายวิทยาศาสตร์ 27 - 29 กันยายน 2551


หลังจากสอบเสร็จ ทางโรงเรียนก็จัดค่ายให้กับนักเรียนในโครงการทันที คือ ค่ายวิทยาศาสตร์ตั้งแต่วันที่ 27 - 29 กันยายน 2551
ในวันแรกก็จะเป็นพิธีเปิด อธิบายเกี่ยวกับการทำโครงงานในรูปแบบของ FILA และการทำแบบทดสอบก่อนเข้าค่าย หลังจากนั้นรุ่นพี่ก็ได้จัดกลุ่มและแบ่งกันไปทำกิจกรรมในฐานต่างๆ ฐานแรกที่กลุ่มของข้าพเจ้าไปนั้นเป็นฐานเกี่ยวกับการประดิษฐ์เครื่องบิน เป็นการทำเครื่องบิน 3 แบบ คือ จากกระดาษ โฟม และหลอด ฐานที่ 2 เป็นการเขียน FILA จากสิ่งที่ให้มา นั้นก็คือ ต้นกลัว ผลกล้วย และก็ปลีกล้วย และฐานที่ 3 ซึ่งเป็นฐานสุดท้าย คือการให้สรุป FILA จากสิ่งที่ไปสำรวจเองภายในโรงเรียน หลังจากเสร็จกิจกรรมก็ปล่อยไปพัก และต่อในกิจกรรมช่วงกลางคืนอีกมากมาย

และวันที่ 2 ก็จะเป็นการพาออกไปทัศนศึกษาที่บางตะบูน โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ในตอนแรกกลุ่มของข้าพเจ้าได้ไปที่บ้านผลิตฟืน และน้ำส้มควันไม้จากต้นโกงกาง ได้ดูสถานที่สิ่งร่วมอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำ รวมถึงได้ฟังขั้นตอนและความเป็นมาในการทำถ่านอย่างละเอียด หลังจากนั้นเราก็ไปเปลี่ยนกับอีกกลุ่มโดยจะเป็นการนั่งเรือชมอ่าวบางตะบูน มีคุณครูคอยอธิบายถึงรายละเอียดต่างๆให้ และได้เห็นขั้นตอนการจับสัตว์น้ำ โดยเฉพาะหอยอย่างใกล้ชิดเลยทีเดียว หลังจากจบกิจกรรมนี้ก็มีการบรรยายความรู้ในเรื่องของป่าชายเลนที่โรงเรียนบางตะบูน พอจบก็กลับโรงเรียน ในช่วยกลางคืนก็มีการทำโครงงานกันและการให้ความรู้เพิ่มเติมในเรื่องนี้จากดร. ดำรง อาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฎ เพชรบุรี

วันสุดท้ายก็มีการนำโครงงานที่แต่ละกลุ่มทำไว้ออกมาเสนอ และได้รับการปรับปรุงพร้อมทั้งคำแนะนำจาคุณครู หลังจากนั้นก็มีกิจกรรมจากรุ่นพี่ สุดท้ายก็เป็นพิธีปิด

การเข้าค่ายครั้งนี้ทำให้ข้าพเจ้าได้รับทั้งความรู้เพิ่มเติมและความสนุกสนานกลับไปมากมายเลยทีเดียว