09 เกวลิน อ่องคล้าย ม.4/1

สวัสดีทุกๆคนค่ะ ยินดีต้อนรับเข้าสู่ Blog Kewalin_ELF ค่ะ



วันเสาร์, สิงหาคม 30, 2551

[My Diary] กีฬาสีวันที่ 4 และ 5(วันสุดท้ายแล้ว)







สำหรับกีฬาสีในวันที่4 จะเป็นการชิงขนะเลิศกีฬาที่เหลือ และในวันนั้นฝนก็ตกซะด้วย ข้าพเจ้าก็ได้ไปดูการซ้อมของผู้เต้นเอโรบิก เพราะทำงานอยู่ในโรงอาหาร ดูทุกๆคนตั้งใจซ้อมกันมากๆเลย คงเป็นเพราะจะแข่งอีกครั้งในวันพรุ่งนี้แล้วนั้นเอง

และกีฬาสีในวันที่5 คงเป็นวันที่หลายๆคนรอคอย เช้ามาอย่างแรกคือ ต้องวิ่งไปดูสแตนของแต่ละสี ปีนี้ข้าพเจ้าชอบสีชมพูมากๆเลย ซึ่งแต่งคล้ายๆกับสวนสนุก มีกระต่าย แล้วเค้กด้วย และอีกสีที่ชอบคือสีฟ้าที่แต่งเป็นห้องน้ำ
พอถึงเวลาที่ขบวนพาเรดจะมาข้าพเจ้ากับเพื่อนๆก็ออกไปดูกันข้างนอก ปีนี้ขบวนดูจะแต่งคล้ายๆกัน แต่ก็สวยไปคนละแบบ ข้าพเจ้ารอดูเพื่อนที่เดินขบวนไป ถ่ายรูปไป ซักพักเพื่อนข้างหลังเรียกเพื่อนที่อยู่ในขบวนข้าพเจ้าก็หันไปมอง ตกใจมากเลยเพราะจำเพื่อนไม่ได้(แต่งหน้าแล้วเปลี่ยนมากเลย)ข้าพเจ้าเลยถ่ายรูปเพื่อนมาไม่ทัน แต่ในส่วนอื่นๆข้าพเจ้าก็ถ่ายรูปเก็บไว้ค่อนข้างเยอะเหมือนกัน พอขบวนเข้ามาในโรงเรียนจนครบก็เริ่มเปิดพีธีกีฬาสีในส่วนของกรีฑา หลังจากนั้นก็จะเป็นการแข่งขันเต้นเอโรบิก

หลังจากนั้นก็จะเริ่มกีฬากรีฑา ข้าพเจ้าชอบดูการแข่งชักเย่อมากๆเลย ดูไปลุ้นไป ข้าพเจ้าเลยถ่ายวีดีโอเก็บไว้ด้วย และก็เริ่มการแข่งขันวิ่งในรายการต่างๆ

ช่วงบ่ายของวันนั้นข้าพเจ้าได้เป็นเวรในห้องพยาบาล ซึ่งวันนี้ผู้ป่วยส่วนใหญ่ก็จะเข้ามาทำแผล มือพองก็มีเยอะเพราะชักเย่อมานั้นเอง และก็ทายาแก้ปวดเมื่อย หลังจากอยู่เวรเสร็จแล้วข้าพเจ้าก็ไปดูการแข่งขันกีฬาต่อ ดูการวิ่งไป5-6รายการ ก่อนจะเป็นการแข่งกองเชียร์ซึ่งปีนี้คุณครูไม่อนุญาตให้วิ่งเข้าไปดูใกล้ๆ เลยต้องนั่งดูไกลๆจึงเห็นไม่ค่อยชัดเท่าไรนัก ปีนี้แต่ละสีก็มีทีเด็ดที่แตกต่างกันออกไป เช่น ในส่วนของสีชมพูข้าพเจ้าชอบกองเชียร์มากๆเพราะมีความพร้อมเพรียงมากเลย ภาพที่ออกมาจึงสวย ส่วนของสีฟ้าก็เป็นหรีดที่เสียงดังมากเลย มีการเปลี่ยนชุดอาบน้ำด้วย ในส่วนของสีเหลืองดูจะอลังการมากๆเลย มีทั้งเสลียง และควันสีเหลือง กองเชียร์ก็เสียงดังด้วย และสำหรับสีส้มก็มีกลองชุดที่เพิ่มความสนุกสนานได้มากเลยทีเดียว
ก่อนจะมีการปิดพิธีก็จะเป็นการประกาศและมอบรางวัลให้กับผู้ชนะในกีฬาต่างๆ และปีนี้พาเรดและกองเชียร์ก็ได้ตกไปเป็นของสีเหลือง ส่วนถ้วยรวมก็เป็นของสีเขียว และพิธีก็จบลง

วันพุธ, สิงหาคม 27, 2551

[My Diary] กีฬาสี วันที่ 3


สำหรับกีฬาสีในวันนี้ก็มีการแข่งขันกีฬาต่อเช่นเดิม และในช่วงเข้าแถวก็มีการประกาศผลคะแนนเช่นกัน และวันนี้ข้าพเจ้ากับเพื่อนๆก็ชวนกันไปเชียร์กีฬาเช่นเดิท วันนี้ได้ดูหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น
วอลเลย์บอล เล่นกันสนุกๆมากๆเลยข้าพเจ้านั่งติดขอบสนามเลยทีเดียว
แชร์บอล ดู 2 คู่เลย ข้าพเจ้าก็เคยเล่นกีฬานี้ตอนม.1 เหมือนกันแต่ว่าไม่ชนะ และวันนี้ดูก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าเขาให้ผู้ชายลงเล่นได้โดยให้เป็นตัวปัดและคนถือตระกร้า และก็ได้เห็นตัวปัดของสีเหลืองวิ่งลงไปเล่นแล้วก็กลับมาปัดลูกต่อ ดูมีสปีริตมากๆเลย
และบาสเกตบอล ก็เชียร์กันอย่างสนุกสนาน พอลูกลงห่วงกองเชียร์ก็พากันกรี๊ดดีใจซึ่งหนึ่งในนั้นก็เป็นเพื่อนของที่นั่งข้างๆ เล่นกรี๊ดซะเต็มหูเลย
วันนี้นอกจากจะไปเชียร์แล้วก็มีเวลาส่วนหนึ่งที่ข้าพเจ้าทำโครงงานด้วยเหมือนกัน เพราะงานที่จะต้องส่งหลังช่วงกีฬาสีมีเยอะมากจึงต้องรีบสะสางซะแล้วสิ

วันอังคาร, สิงหาคม 26, 2551

[My Diary] กีฬาสี วันที่ 2


สำหรับกีฬาสีในวันนี้ อย่างแรกเลยก็คือ การประกาศผลการแข่งขันของเมื่อวาน และสีของข้าพเจ้า(สีชมพู) ก็มีแพ้บ้างชนะบ้างเท่าๆกัน(ช่วยกันนับกับเพื่อน^^) หลังจากเข้าแถวเรียบร้อยแล้วข้าพเจ้าและเพื่อนๆก็ชวนกันไปเชียร์กีฬาเช่นเคย
และสำหรับไฮไลท์ของวันนี้คงหนีไม่พ้นการแข่งขันเต้นแอโรบิกเต้น ซึ่งมีขึ้นในช่วงบ่ายโมงครึ่ง ถึง บ่ายสามโมง ถือว่าร้อนมากๆ สงสารคนเต้นมากๆเลย(เข้าใจถึงความรู้สึกเพราะว่าปีที่ข้าพเจ้าก็ลงแข่งขันเช่นกันและอาการก็ร้อนเช่นกัน)ข้าพเจ้านั่งดูตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งดูแล้วเหมือนจะเข้าข้างสีตัวเองแต่เท่าที่ดูแล้วข้าพเจ้าว่า สีชมพูเต้นออกมาได้ดีที่สุดจริงๆนะ สีชมพูสู้ๆๆ!!!

วันจันทร์, สิงหาคม 25, 2551

งานวิชาภาษาอังกฤษ Four Corners Story Map#1

Story Title : Almie Rose
Setting : At Almie Rose ' s house
List of Characters : Almie Rose, Almie Rose's parents

Beginning : On this Christmas day, Almie Rose wanted a new bicycle . Then she announced that she wanted a new bicycle more than anything on the day before Christmas day.

Problem : Almie Rose 's parent prepare her Christmas gift, but they didn't know that she wanted a new bike. And this time is too late for going to buy a new real bike.

Solution : Almie Rose's father made a model bike by clay and he wrote a note that her daughter could find a model.

Ending : When Almie Rose opened her gift. She saw a model bike and a note. She ask her father that did he made it for her?, her father say yes. Suddenly she was crying and told that she really liked a new bike that her father made more than a real bike.

[My Diary] กีฬาสี วันที่ 1



และแล้วกีฬาสีของโรงเรียนก็เปิดตัวขึ้น สำหรับพิธีเปิดกิจกรรมกีฬาสีภายใน ครั้งที่ 34 ของโรงเรียนเบญจมเทพอุทิศ ก็เป็นที่สนุกสนานและน่าตื่นเต้นไม่แพ้ปีก่อนๆ แต่อุปสรรคที่สำคัญที่สุดก็คือ อากาศที่ร้อนมากถึงมากที่สุด
พิธีเปิดเริ่มด้วยการกล่าวเปิดงานของประธาน การเชิญสัญลักษณ์พระเกี้ยวและธงโรงเรียน ซึ่งปีนี้ให้วัวเทียมเกวียนเป็นผู้เชิญมา และก็เรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อยเลยทีเดียวเพราะเป็นวัวจริงๆ เกวียนจริงๆ
หลังจากนั้นก่อนประธานจะตีฆ้อง ก็จะต้องมีผู้เชิญซึ่งข้าพเจ้าและเพื่อนๆก็แอบเห็นน้องหมีตัวใหญ่ที่สะพายเป้โรงเรียนห้อยอยู่ด้านบนของตึก 5 ซึ่งเมื่อดูจากเส้นเชือกที่จะพาน้องหมีลงมานั้นมันจะผ่านช่วงหัวของข้าพเจ้าพอดี จึงกลัวว่าจะได้น้องหมีกลับบ้านหรือเปล่า และเมื่อถึงเวลาปล่อยน้องหมี ข้าพเจ้าก็ถ่ายวีดีโอไว้ด้วย น้องหมีก็ไหลลงมาเรื่อยและแล้ว...มันก็มาหยุดอยู่ตรงหัวของข้าพเจ้าพอดีซะด้วย(มีคนดึงเชือกไว้ น้องหมีเลยค้าง) แต่ซักพักก็เริ่มปล่อยเชือกน้องหมีเลยไหลไปถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย(เลยอดได้น้องหมีกลับบ้านเลย)
หลังประธานได้ตีฆ้องเปิดงานแล้ว ก็มีการจุดพลุ 3 นัด และก็มีการแสดงเต้นลีลาสของนักเรียนชั้นม.1(ผู้หญิง) และม.3(ผู้ชาย) ทั้งคู่เต้นเก่งมากๆ แถมหุ่นเพรียวอีกด้วย และข้าพเจ้าก็ได้ถ่ายวีดีโอไว้ด้วย ตอนนี้ก็ได้ลงไว้ในweb ฝากไฟล์เพื่อนๆคนไหนอยากดูก็ โหลดไปดูได้เลยนะคะ(แต่ไม่มีเสียงนะกล้องอัดเสียงไม่ได้)>>>http://upload.one2car.com/download.aspx?pku=3A67E5E538HVIHOIHKAM7H9GPNNEHM
เมื่อการแสดงจบก็เป็นการจบพิธีเปิดกีฬาสีอย่างเป็นทางการ
หลังจากนั้นข้าพเจ้าและเพื่อนๆก็พากันไปเชียร์กีฬากัน วันนี้ก็ได้ดูการแข่งขันหลายอย่างเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น บาสเกตบอล ม.ต้นและม.ปลายชาย(ดูคู่เลย) วอลเลย์บอลม.ต้นหญิง และอื่นๆบ้างนิดหน่อย แต่ที่สนุกสนานคงอยู่ที่การเชียร์ของกองเชียร์แต่ละสีที่ร่วมกันให้กำลังใจนักกีฬาอย่างสนุกสนาน

วันอาทิตย์, สิงหาคม 24, 2551

[My Diary] โครงงาน = =;

วันนี้นัดเพื่อนๆในกลุ่มไปทำโครงงานคณิตศาสตร์ด้วยกันที่โรงเรียน พอไปถึงก็เปิดหนังสือ รวมถึงหาจาก Internet ด้วย แต่ก็ใช้เวลาไปหลายชั่วโมงเลยทีเดียวกว่าจะคิดหัวข้อที่จะทำออกเล่นเอามึนกันไปเลยทีเดียว แต่พอได้หัวข้อมาแล้วเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างจะดูง่ายขึ้น เราก็เริ่มกันคิดชื่อโครงงานและส่วนประกอบอื่นๆ จนในที่สุดก็สามารถร่างโครงงานคร่าวๆออกมาได้ รู้สึกดีใจเหมือนกัน แต่ก็เหลืออีกเยอะเลยที่ต้องทำอีก
และวันนี้ที่โรงเรียนก็มีคนเยอะแยะเลยเพราะเป็นช่วงกีฬาสี สีต่างๆกำลังซ้อมกันอย่างขมักเขม้น และพรุ่งนี้ก็เป็นวันแรกที่เริ่มการแข่งขันกีฬาสีอย่างเป็นทางการแล้ว คงสนุกสนานไม่น้อยเลยทีเดียว (แต่หลังกีฬาสีนี่สิมีงานต้องส่งเยอะแยะเลย)

วันเสาร์, สิงหาคม 23, 2551

[My Diary] ฟิสิกส์ (กล้องใหม่ของฟ้า)



สำหรับครั้งนี้ทางโครงการได้พาไปศึกษาในเรื่องของวิชาฟิสิกส์ ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏ เพชรบุรี (เช่นเดียวกับวิชาชีววิยาที่ผ่านมา) ซึ่งคราวนี้เป็นการเรียนแบบบรรยายพร้อมกับลงมือปฏิบัติด้วย เป็นการเรียนในเรื่องของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิก ซึ่งแนะนำอุปกรณ์ใหม่ๆที่ข้าพเจ้าไม่รู้จัก คือ มัลติมิเตอร์ และ Oscillscope (เป็นเครื่องวัดสัญญาณไฟฟ้า) รวมถึงการต่อวงจรไฟฟ้าซึ่งเมื่อดูจากรูปแล้วดูยากมากๆ แต่เมื่อมีคุณครูคอยช่วยให้คำแนะนำและค่อยๆต่อไปทีละอย่างก็สามารถทำได้อย่างถูกต้อง การเรียนวันนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากมากเลยทีเดียว ข้าพเจ้าก็เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่ก็ได้รับความรู้ไปมากเลยทีเดียว


และมีเพื่อนของข้าพเจ้าคนหนึ่ง(ฟ้า)รู้สึกว่าเขาจะได้กล้องใหม่มาวันนี้ทั้งวันเขาก็เลยเอาแต่ถ่ายรูป ถ่ายทุกๆท่า ทุกๆอย่างของเพื่อนๆ และตลอดทั้งการเรียน แม้แต่เวลาเพื่อนเผลอก็ถ่าย พอถ่ายได้ก็หัวเราะแล้วยังจะทำมาโชว์ให้เจ้าของรูปดูอีก ข้าพเจ้าก็คอยปิดบังกล้องไว้เหมือนกัน


ซึ่งการไปศึกษาเพิ่มเติมในครั้งนี้ก็มอบทั้งความรู้และความสนุกสนานให้กับข้าพเจ้ามากมาย ข้าพเจ้าขอขอบพระคูณคุณครูทุกๆท่านไว้ ณ ที่นี้ด้วย คราวต่อไปก็จะเป็นการในวิชาเคมี (โปรดติดตามต่อไป^^)

วันอังคาร, สิงหาคม 12, 2551

(My Diary) 12 ส.ค.51 วันแม่แห่งชาติ


ในที่สุดก็ถึงวันแม่แล้ว วันนี้ตื่นสาย(มากกว่าปกติ)ตื่นมาแม่ก็หลับแล้ว

พอช่วงกลางวันก็นอนดูโทรทัศน์กับแม่

เย็นๆหน่อยๆก็ไปช่วยแม่ในครัว หลังจากนั้นก็เปิด power point วันแม่ ให้แม่ดู ตื่นเต้นมากเลยแต่ดูเหมือนแม่ไม่ค่อยสนใจอะไรนัก(เพราะดูโทรทัศน์อยู่)พอจบก็ให้ดอกมะลิแม่แล้วก็กราบแม่ แม่ก็ให้คำสอนมา แล้วหอมแก้มกัน

ช่วงหัวค่ำก็ออกไปกินข้าวข้างนอกกันเพื่อฉลองวันแม่

สำหรับวันแม่ปีนี้หนูอยากให้แม่มีความสุขมากๆนะคะ รักแม่ทุกๆวันค่ะ

วันจันทร์, สิงหาคม 11, 2551

[My Diary] พรุ่งนี้เป็นวันแม่แล้ว

พรุ่งนี้เป็นวันแม่แล้ว ปกติตอนเด็กก็จะมีการ์ดให้แม่ แต่พอมามัธยมมไม่มีแล้ว รู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน แต่ปีนี้ได้มีโอกาสทำการ์ดแบบพิเศษให้แม่ โดยทำเป็น power point ก็ทำมาเรื่อยๆ ตอนแรกจะขอถ่ายรูปคู่กับแม่แต่ไม่มีเวลา เลยแต่งรูปเอง เวลาทำก็รู้สึกซึ้งๆไปด้วย พรุ่งนี้ก็ต้องเปิดให้แม่ดูแล้วรู้สึกตื่นเต้นมากเลย ไม่รู้ว่าแม่จะรู้สึกยังไงเหมือนกัน ตื่นเต้นๆ

วันอาทิตย์, สิงหาคม 10, 2551

[My Diary] มหกรรมงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ 2551


เนื่องจากเมื่อวานนี้(9 สิงหาคม 2551)
ทางโรงเรียนได้พานักเรียนจำนวนหนึ่ง ไปทัศนะศึกษาในงาน "มหกรรมงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ 2551" ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติไบเทค บางนา

ข้าพเจ้าก็ได้มีโอกาสเป็นหนึ่งในนั้นด้วย ซึ่งเราได้ออกเดินทางจากโรงเรียนเวลาประมาณ7โมงเช้า ด้วยรถถึง 8 คัน ข้าพเจ้านั่งอยู่บนรถคันที่ 8 เมื่อไปถึงที่หมาย คุณครูก็แจกสติ๊กเกอร์ซึ่งเป็นบัตรเข้างาน นัดเวลากับนักเรียนก่อนจะปล่อยตัวพวกเราให้เข้าไปในงาน

กลุ่มของข้าพเจ้าก็ไปหาที่นั่งทานข้าวกลางวันเพิ่มพลังก่อนที่จะเข้างาน ในงานมีการจัดนิทรรศการมากมาย ข้าพเจ้าและเพื่อนๆเลือกที่จะไปในส่วนของการทดลองวิทยาศาสตร์ แต่ก่อนจะถึงงานตรงนั้นพวกเราก็ผ่านตรงการจัดแสดงเกี่ยวกับหุ่นยนต์ ซึ่งตอนนั้นกำลังมีการแสดงของวงดนตรีที่แสดงจากนักแสดงที่เป็นหุ่นยนต์(ดังรูป) ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าชอบมากที่สุดในงาน แต่น่าเสียดายที่อัดวีดีโอมาแต่กลับไม่มีเสียเพราะกล้องที่เอาไปไม่สามารถบันทึกเสียงได้

หลังจากนั้นเราก็ได้ลงทะเบียนการทดลองวิทยาศาสตร์ไว้ 2 lab labที่1เป็นการใช้กล้องจุลทรรศน์และความรู้ในเรื่องของไฮดรา ส่วนlabที่2เป็นเรื่องเกี่ยวกับเลือด ข้าพเจ้าได้รับความรู้และความสนุกสนานจากทั้ง 2 lab

หลังจากนั้นก็เดินไปทางที่จัดนิทรรศการเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยต่างๆ และเดินออกไปดูในHall อื่นๆ ก็มีการจัดเกี่ยวกับ ภาวะโลกร้อน โลก อวกาศ ดาราศาสตร์ รวมถึงนิทรรศการเทิดพระเกียรติ์และอื่นๆอีกมากมาย

ด้วยเวลาที่จำกัดในช่วงท้ายข้าพเจ้าก็เร่งเดินมากขึ้นเพื่อให้ได้ดูทั้งงานก่อนที่เวลาจะหมดจึงไม่ได้เก็บรายละเอียดมากมายนัก ก่อนกลับก็มีการถ่ายรูปที่ระลึกไว้

การทัศนะศึกษาครั้งนี้ให้ทั้งความรู้และความสนุกสนานแก่ข้าพเจ้า ตัวข้าพเจ้าเองจึงคิดว่าหากมีโอกาสได้ไปอีกคงไปร่วมกิจกรรมนี้อีกแน่นอน

วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 07, 2551

งานวิชาภาษาไทย <ตำนานเมืองเพชร>


ตำนานของ “หลวงพ่อ (ทอง) เขาตะเครา”

ตำนานของ “หลวงพ่อ (ทอง) เขาตะเครา” แห่งแม่น้ำเพชรบุรี วัดเขาตะเครา อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี

กว่า 200 ปี มาแล้วที่พระพุทธรูปนั่งปางมารวิชัยองค์เล็ก ขนาดหน้าตักกว้างเพียง 21 นิ้ว ซึ่งลอยน้ำมาจากทางเหนือ (พร้อมพระพี่น้องอีก 4 องค์) ได้ขึ้นประดิษฐานอยู่ ณ วัดเขาตะเครา อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี เป็นพระพุทธรูปองค์เดียวในจำนวน 5 องค์พี่น้อง ที่มีแผ่นทองคำเปลวปิดหุ้มอยู่หนามากจนแลไม่เห็นความงามตามพุทธลักษณะเดิม

ประวัติความเป็นมา
ตามที่ได้กล่าวไว้แล้วในประวัติของหลวงพ่อบ้านแหลม ว่า ชาวบ้านแหลมซึ่งอยู่ปากอ่าวจังหวัดเพชรบุรี ได้พากันมาจับปลาในทะเล ขณะที่ลากอวนอยู่นั้นได้ลากพระพุทธรูปนั่งปางมารวิชัยติดอวนขึ้นมาองค์หนึ่ง ในระหว่างทางกลับ ก็ได้พบพระพุทธรูปยืน (หลวงพ่อบ้านแหลม) ลอยปริ่มๆ น้ำอยู่ไม่ไกลนัก จึงอาราธนาขึ้นบนเรืออีกลำหนึ่ง แต่เกิดอาเพทฝนตกหนัก ลมพายุพัดจัด เรือลำที่พระพุทธรูปยืนประดิษฐานอยู่นั้น ทนคลื่นลมไม่ไหว จึงเอียงวูบไป พระพุทธรูปที่อยู่บนเรือจึงเคลื่อนตกจมหายไปในแม่น้ำ
ชาวบ้านแหลมพากันตกใจและเสียดายเป็นอย่างยิ่ง ต่างช่วยกันดำน้ำค้นหาอยู่หลายวัน แต่ก็ไม่พบ จึงตกลงว่าไม่ค้นหากันต่อไปอีก จึงนำพระพุทธรูปองค์นั่งที่เหลืออยู่บนเรืออีกลำหนึ่งไปยังถิ่นของตน และนำพระพุทธรูปองค์นั้นไปประดิษฐานไว้ที่วัดเขาตะเครา อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ตั้งแต่ พ.ศ.2302 เป็นต้นมา และเรียกขานกันว่าหลวงพ่อเขาตะเครา


ชื่อใหม่ของหลวงพ่อ
หลวงพ่อเขาตะเครา ได้รับการเรียกขานนามใหม่คือ “หลวงพ่อ (ทอง) เขาตะเครา” สาเหตุมาจากมีช่างภาพคนหนึ่งต้องการถ่ายภาพหลวงพ่อ แต่ความที่องค์หลวงพ่อมีทองปิดทับอยู่หนามากจนแลไม่เห็นพุทธลักษณะเดิม ช่างภาพคนนี้จึงไปแกะทองที่ตาหลวงพ่อออกโดยมิได้บอกล่าวและขออนุญาต หลังจากนั้นไม่กี่วันช่างภาพคนนี้ก็มีอาการหูตาบวมเป่ง จึงต้องมากราบขอขมาหลวงพ่อ อาการจึงหายไป
จากเหตุการณ์ดังกล่าว จึงไม่มีใครกล้าไปแตะต้องหลวงพ่อ จนกระทั่งทองปิดองค์ท่านทับถมกันมากขึ้นทุกวันๆ ชาวบ้านที่มานมัสการจึงเติมคำว่า “ทอง” ไปในการเรียกขาน จึงกลายมาเป็น “หลวงพ่อ (ทอง)เขาตะเครา”

พุทธลักษณะ
หลวงพ่อ (ทอง) เขาตะเครา เป็นพระพุทธรูปนั่งปางมารวิชัย สูง 29 นิ้ว หน้าตักกว้าง 21 นิ้ว แต่เนื่องจากทองที่ปิดองค์พระพุทธรูปนั้นหนามาก จนทำให้ไม่เห็นองค์เดิมว่าเป็นพระพุทธรูปหล่อหรือปูนปั้น แต่จากหลักฐานที่ “สุนทรภู่” กวีเอกของไทย ได้เขียนไว้ในนิราศเมืองเพชร คราวที่ได้ไปแวะไหว้หลวงพ่อ (ทอง) วัดเขาตะเครา ก็พอจะสันนิษฐานได้ว่า หลวงพ่อฯ เป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยสัมฤทธิ์ ดังความว่า
“ไปครู่หนึ่งถึงเขาตะคริวสวาท
มีอาวาสวัดวามหาเถร
มะพร้าวรอบขอบที่บริเวณ
พอจวนเพลพักร้อนผ่อนสำราญ
กับหนูพัดจัดธูปเทียนดอกไม้
จะขึ้นไหว้พระสัมฤทธิ์อธิษฐาน
เขานับถือลืออยู่แต่บูราณ
ใครบนบานพระรับช่วยดับร้อน”
ความศักดิ์สิทธิ์
ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อนั้น เป็นที่โจษขานกันมาแต่โบราณ แม้กระทั่งตอนที่หลวงพ่อจะประทานทองที่องค์ท่านให้นั้น มีผู้เล่าว่า ได้เห็นไฟลุกท่วมองค์ท่านเป็นประกายรัศมีออกมา ทองที่หุ้มองค์ท่านค่อยๆ ไหลหลุดลอกออกบางส่วน ดูน่าอัศจรรย์ และเมื่อนำทองที่ไหลลอกมาไปชั่งน้ำหนัก ปรากฏว่าได้ถึง 9.9 กิโลกรัม ! ทำให้ได้แลเห็นพระพักตร์ชัดเจนขึ้นมาบ้าง ซึ่งก่อนหน้านั้นมีทองปิดหนามากจนองค์ท่านกลมทีเดียว !
นอกจากนั้นยังมีผู้เล่าว่า มีหญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นชาวบ้านแหลม ทำไร่ทำนาจนหมดเนื้อหมดตัว จึงคิดจะไปทำมาค้าขายทางใต้ ได้มาไหว้หลวงพ่อ (ทอง) เขาตะเครา อธิษฐานขอให้ช่วยค้าขายร่ำรวยแล้วจะกลับมาบวชชีแก้บน 15 วัน ปรากฏว่าหญิงคนนั้นค้าขายจนร่ำรวย แต่มิได้กลับมาแก้บนตามที่อธิษฐานไว้ ทำให้มีอาการป่วยหนัก จนกระทั่งผลสุดท้ายต้องกลับมาบวชชีที่วัดเขาตะเครา จึงหายป่วย
อีกเรื่องหนึ่งคือ มีเรือประมงลำหนึ่งถูกมรสุมอัปปางลง ลูกเรือ 11 คนเสียชีวิต รอดมาเพียง 2 คน เพราะมีพระกริ่งและแหวนจำลองของหลวงพ่อ (ทอง) เขาตะเครา ทั้งสองคนนี้จึงบนตัวบวชให้หลวงพ่อตั้งแต่นั้นมา และมีอยู่ครั้งหนึ่งขบวนทอดผ้าป่ามาทำบุญที่วัดเขาตะเครา ตอนกลับจากวัดเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำกลางทาง คนโดยสารทั้ง 70 กว่าคนเพียงแค่ฟกช้ำดำเขียวเท่านั้น และมีอยู่คนหนึ่งที่เช่าพระพุทธรูปจำลองหลวงพ่อฯ แล้วอุ้มองค์ท่านอยู่ คนนี้ไม่ได้รับอันตรายใดๆ แม้แต่นิดเดียว !

บนบานศาลกล่าว
การบนบานศาลกล่าวเพื่อขอพรหลวงพ่อให้ช่วยดลบันดาลในเรื่องราวต่างๆ นั้น มักจะสมปรารถนาเสมอ สุนทรภู่เองก็ทราบกิตติศัพท์นี้จึงได้อธิษฐานขอพรจากหลวงพ่อ ดังนี้
“ได้สรงน้ำชำระพระสัมฤทธิ์
ถวายธูปเทียนอุทิศพิษฐาน
ขอเดชะพระสัมฤทธิ์พิสดาร
ท่านเชี่ยวชาญเชิญช่วยด้วยสักครั้ง”
สิ่งที่ห้ามบนก็คือ ขอให้ไม่ถูกเกณฑ์ทหาร เช่นเดียวกับหลวงพ่อโสธรและหลวงพ่อบ้านแหลมนั่นเอง เพราะถ้าบนอย่างนี้ จะต้องเป็นทหารทุกราย !
ส่วนการแก้บนนั้น สิ่งของที่นิยมนำมาแก้บนที่ทำกันต่อๆ มานั้น ถ้าดูในสมัยก่อนจากคำอธิษฐานดังกล่าวของสุนทรภู่ ว่าถ้าสมหวังในเรื่องที่ขอไว้ สุนทรภู่จะถวายละคร พร้อมทั้งเทียนเงินทองและของเสวยตามที่มีผู้กระทำกันมา
“แม้นได้ของสองสิ่งเห็นจริงจัง
จะแต่งตั้งบายศรีมีละคร
ทั้งเทียนเงินเทียนทองของเสวย
เหมือนเขาเคยบูชาหน้าสิงขร”
จากคำบอกเล่าของผู้คนที่วัดเขาตะเคราบอกว่า การแก้บนก็แล้วแต่สิ่งของที่บนไว้ ซึ่งก็มีทั้งละคร ข่าวปลาอาหาร ประทัด เป็นต้น แต่หากต้องการให้ได้ผลสมปรารถนาเร็ว ต้องบนตัวบวช ไม่ว่าจะเป็นบวชพระ บวชเณร บวชชี บวชชีพราหมณ์ บวชเนกขัมมะ ผู้ที่บนตัวบวชนี้จะได้ผลสมหวังทุกราย
ทุกวันนี้หลวงพ่อ (ทอง) เขาตะเครา ยังคงเป็นที่พึ่งทางใจให้กับชาวเมืองเพชรและผู้คนมากมายที่เดินทางมากราบไหว้หรือแม้แต่ระลึกถึงท่านอยู่เสมอๆ

ที่มา : http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=13542

วันอาทิตย์, สิงหาคม 03, 2551

[My Diary]จุลชีววิทยา กับ เหล่าเพื่อนๆ


เมื่อวานนี้(เสาร์ 2 ก.ค. 51)
ทางโครงการที่อยู่นั้นได้พาไปเรียนเพิ่มเติม ตอนจะไปก็ขี้เกียจอยู่เหมือนกันเพราะเป็นวันเสาร์เลยง่วงนอน พอไปถึงช่วงเช้าก็จะเป็นการบรรยายเกี่ยวกับจุลินทรีย์ พวกแบคทีเรียต่างๆ เอกสารเป็นภาษาอังกฤษทำให้เข้าใจยากอยู่เหมือนกัน เนื้อหาต่างๆก็ไม่เคยเรียนมาก่อนเลยมีงงอยู่บ้าง
ส่วนช่วงบ่ายจะเป็นการปฏิบัติ ทำให้รู้เรื่องมากขึ้นเพราะลงมือทำเอง มีทั้งให้ทำอาหารของแบคทีเรีย วิธีแยกพวก แบคทีเรีย รา ยีสต์ต่างๆ และการใช้ก้องส่องดูแบคทีเรีย เป็นสิ่งที่สนุกสนานเลยทีเดียว เพราะไม่เคยเห็นเลยทำมาก่อน จึงขอขอบคุณคุณครูทุกๆท่านไว้ ณ ที่นี้ด้วย

ส่วนในขากลับดูจะสนุกสนานกว่าขามา เพราะรถที่นั่งมาเครื่องก็ค่อนข้างแรง จนทำให้กล่องที่วางอยู่ท้ายรถตกลงไปกลางถนน(กลางถนนจริงๆนะ)เพื่อนที่เห็นก็พากันส่งเสียงกันลั่นรถ ส่วนเราเองก็หันไปกดกริ่งบนรถ(ไม่รู้มีใครกดอีกหรือเปล่าเพราะกริ่งมีหลายอัน)พอรถหยุดเพื่อนผู้ชายคนเดียวบนรถก็รีบลงไปเก็บมาทันที เพื่อนๆบนรถจึงพากันปรบมือให้กับความเป็นสุภาพบุรุษ หลังจากนั้นเพื่อนๆก็ปล่อยมุขออกมาเรื่อยๆ ทำให้เพื่อนหัวเราะออกมา สนุกสนานเฮฮากันทั้งรถเลยทีเดียว ทำเอาเราเองหัวเราะกันน้ำตาไหลเลย

มีเพื่อนพูดออกมาว่า "ตอนแรกก็ไม่คิดว่าห้องพวกเราจะเป็นแบบนี้ สงสัยเก็บกดกันมา"